การเตรียมเอกสารและหลักฐานการสมัครบัตรเครดิต

หากพูดถึงการสมัครบัตรเครดิต หลายท่านคงเห็นว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายและไม่ซับซ้อน เพราะด้วยการแข่งขันที่สูงในปัจจุบัน ทำให้ธนาคารส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ออกบัตรเครดิตพยายามทำการตลาดซึ่งมุ่งเน้นการเข้าถึงตัวลูกค้า โดยการประชาสัมพันธ์ผ่าน Call Center ซึ่งทำหน้าที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิต พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการทำบัตรเครดิตให้ลูกค้าเสร็จสิ้นภายในขั้นตอนเดียว ทำให้ผู้สมัครบัตรเครดิตในปัจจุบันไม่ต้องเสียเวลาเดินทางเพื่อไปติดต่อยังทางธนาคารโดยตรง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปัจจุบันการทำบัตรเครดิตจะมีความสะดวกและรวดเร็วมากกว่าสมัยก่อน แต่ขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติยังเป็นของแผนกสินเชื่อของธนาคาร ซึ่งยังต้องพิจารณาเอกสารและคุณสมบัติของผู้สมัครอย่างละเอียดรอบคอบก่อนที่จะทำการอนุมัติ ดังนั้นแม้ว่าการสมัครบัตรเครดิตจะง่าย แต่ขั้นตอนอนุมัติยังมีละเอียดซับซ้อนและใช้เวลาในการพิจารณาเช่นเดิม

ด้วยเหตุนี้หากผู้สมัครบัตรเครดิตมีความรู้และสามารถเตรียมเอกสารพร้อมทั้งหลักฐานต่างๆได้ครบถ้วนก็จะช่วยให้ธนาคารลดระยะเวลาในการพิจารณาลง ซึ่งเอกสารสำคัญเหล่านี้มีอะไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบค่ะ

1. เอกสารในการสมัคร

ในอดีตที่การแข่งขันทางด้านบัตรเครดิตยังไม่สูงเท่าทุกวันนี้ การจะสมัครบัตรเครดิตสักใบนั้น ผู้สมัครจะต้องทำการกรอกเอกสารต่างๆที่ธนาคารเตรียมให้ด้วยตัวเองทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันธนาคารส่วนใหญ่ก็อำนวยความสะดวกในการกรอกเอกสารต่างๆให้เพื่อดึงดูดใจลูกค้า ดังนั้นแม้ว่าทางธนาคารจะทำการกรอกเอกสารมาให้แล้ว ผู้สมัครบัตรเครดิตทุกท่านควรอ่านทุกข้อความที่ปรากฏในเอกสารพร้อมทั้งทำความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นชนิดของบัตร อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ ก่อนที่จะทำการเซ็นต์ชื่อลงในเอกสาร เพราะการเซ็นต์ชื่อกำกับคือการยอมรับในทางกฏหมายซึ่งหากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นภายหลัง ทางธนาคารมีสิทธิอ้างได้ว่าเรารับทราบทุกข้อตกลงแล้ว

2. เอกสารในการประกอบอาชีพ

ปัจจัยสำคัญในการอนุมัติบัตรเครดิตคือ ผู้สมัครบัตรเครดิตทุกคนจะต้องมี “รายได้” เพื่อเป็นเครื่องการันตีให้กับธนาคารว่าผู้สมัครจะมีความสามารถในการชำระหนี้ให้กับธนาคาร ดังนั้นผู้สมัครบัตรเครดิตทุกคนต้องแสดงเอกสารที่มาของรายได้ โดยแยกตามการประกอบอาชีพดังนี้

• พนักงานประจำ : เอกสารในการประกอบอาชีพสามารถขอได้จาก HR ของแต่ละบริษัทโดยอาจจะขอเป็นหนังสือรับรองรายได้ และ/หรือ หนังสือรับรองการเป็นพนักงานของบริษัท
• ธุรกิจส่วนตัว : หากธุรกิจที่ทำมีการขึ้นทะเบียนการค้าไว้ ผู้สมัครอาจยื่นเอกสารเป็นหนังสือจดทะเบียนพาณิชย์ของบริษัทหรือหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อแสดงแหล่งที่มาของรายได้
• อาชีพอิสระ : สำหรับผู้ที่มีอาชีพอิสระหรือ Freelance ส่วนใหญ่จะไม่มีเอกสารที่แสดงถึงการประกอบอาชีพซึ่งเราสามารถยื่นเอกสารอื่นทดแทนได้ดังที่จะกล่าวในหัวข้อถัดไป

3. เอกสารแสดงความน่าเชื่อถือ

นอกจากเอกสารสำคัญที่แสดงว่าผู้สมัครบัตรเครดิตประกอบอาชีพและมีรายได้แล้วนั้น เอกสารอีกฉบับที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือเอกสารแสดงจำนวนรายได้ เพราะเอกสารฉบับนี้นอกจากจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาบัตรเครดิตแล้ว ยังเป็นตัวกำหนดวงเงินในบัตรเครดิตอีกด้วย ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดให้วงเงินในบัตรเครดิตต้อง ≤ 5 เท่าของรายได้ ดังนั้นเอกสารที่แสดงความน่าเชื่อถือของรายได้ แบ่งตามอาชีพ มีดังนี้

• พนักงานประจำ : ข้อดีของมนุษย์เงินเดือนคือการมีรายได้ที่แน่นอนในแต่ละเดือนและหลักฐานก็คือ สลิปเงินเดือน นั่นเอง ดังนั้นเพียงคุณมีสลิปเงินเดือนย้อนหลังเพียง 6 เดือนและมากกว่า 15,000 บาท การสมัครบัตรเครดิตก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับผู้ประกอบอาชีพนี้
• ธุรกิจส่วนตัว : เนื่องจากผลกำไรหรือยอดขายสิ้นเดือนไม่สามารถระบุถึงรายรับรายจ่ายที่แท้จริงได้ ดังนั้นเอกสารทางการเงินสำหรับผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว คือ สำเนา Statement บัญชีที่ใช้ในธุรกิจย้อนหลัง 6 เดือนเพื่อแสดงถึงกระแสเงินสดเข้าออกในแต่ละเดือนนั่นเอง
• อาชีพอิสระ : สำหรับ Freelance เอกสารแสดงจำนวนรายรับอาจมีมากมายหรืออาจจะไม่มีเลยก็เป็นได้ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความสะดวกในการพิจารณา ทางธนาคารจึงกำหนดให้เอกสารทางการเงินสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระคือ สำเนา Statement ส่วนบุคคลย้อนหลัง 6 เดือนเพื่อแสดงสถานะทางการเงินและ /หรือ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ทวิ 50) แสดงรายได้ปีล่าสุด

เคล็ดลับสำคัญ : สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ ความสม่ำเสมอในการเดินบัญชีทั้งจำนวนและระยะเวลาที่เงินเข้า โดยอาจเลือกฝากเงินเป็นจำนวนเท่าๆกันในวันที่เดียวกันทุกเดือน และอัพเดตสมุดบัญชีอย่างต่อเนื่อง 6 เดือน เป็นเคล็ดลับสำคัญที่ธนาคารจะมองเห็นถึงความมั่นคงในฐานะทางการเงินและส่งผลให้อนุมัติบัตรได้ง่ายขึ้น

4. เอกสารแสดงที่อยู่

ในปัจจุบันการสมัครบัตรเครดิตไม่จำเป็นต้องยื่นสำเนาทะเบียนบ้าน ดังนั้นในการสมัครบัตรเครดิตทุกครั้งผู้สมัครต้องเป็นคนกรอกหรือแจ้งที่อยู่ให้กับเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจน รวมทั้งเบอร์โทรศัพท์และอีเมล์เพื่อให้ธนาคารใช้ในการแจ้งข้อมูลข่าวสารหรือส่งใบแจ้งหนี้ได้อย่างถูกต้องและถึงมือผู้สมัครอย่างแน่นอน

5. เอกสารแสดงตัวตน

สำหรับคนไทยทุกคนเอกสารแสดงตัวตนในการสมัครบัตรเครดิตก็คือ สำเนาบัตรประชาชนและลายเซ็นต์ โดยสำเนาบัตรประชาชนต้องมีความชัดเจนทั้งรูปภาพและตัวอักษรที่ปรากฏบนบัตร อีกทั้งลายเซ็นต์จะต้องเหมือนกันทุกครั้งและในทุกเอกสาร เพราะหากลายเซ็นต์ผิดเพี้ยนแม้แต่ในเอกสารเพียงแผ่นเดียวก็อาจจะทำให้ไม่ผ่านการอนุมัติก็เป็นได้

ในกรณีชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยสามารถสมัครบัตรเครดิตโดยใช้สำเนาพาสปอร์ตแทนสำเนาบัตรประชาชน

สรุปเอกสารที่ใช้ประกอบการสมัครบัตรเครดิต

1. พนักงานประจำบริษัทเอกชน / ราชการ / รัฐวิสากิจ

* สำเนาบัตรประชาชน

* หนังสือรับรองรายได้ / สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุด

* สำเนา Statement บัญชีส่วนตัวย้อนหลัง 6 เดือน

2. ประกอบธุรกิจส่วนตัว / เจ้าของกิจการ

2.1 กรณีเป็นเจ้าของกิจการจดทะเบียน

* สำเนาบัตรประชาชน

* หนังสือรับรองการจดทะเบียนพาณิชย์ หรือ หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล

* สำเนา statement บัญชีที่ใช้ในธุรกิจ เพื่อแสดงรายรับรายจ่าย ย้อนหลัง 6 เดือน

2.2 กรณีเป็นเจ้าของกิจการไม่จดทะเบียน

* สำเนาบัตรประชาชน

* สำเนา statement บัญชีที่ใช้ในธุรกิจ เพื่อแสดงรายรับรายจ่าย ย้อนหลัง 6 เดือน

* สำเนา Statement บัญชีส่วนตัวย้อนหลัง 6 เดือน

2.3 กรณีเป็นผู้ถือหุ้น

* สำเนาบัตรประชาชน

* สำเนาบัญชีผู้ถือหุ้น

* สำเนา statement บัญชีที่ใช้ในธุรกิจ ย้อนหลัง 6 เดือน หรือ หนังสือรับรองการจดทะเบียนพาณิชย์

* สำเนา Statement บัญชีส่วนตัวย้อนหลัง 6 เดือน

3. กรณีประกอบอาชีพอิสระ (Freelance)

* สำเนาบัตรประชาชน

* สำเนา statement บัญชีส่วนตัว เพื่อแสดงรายรับรายจ่าย ย้อนหลัง 6 เดือน

* สำเนา หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ทวิ 50) แสดงรายได้ปีล่าสุด

เห็นมั้ยคะว่า แม้ปัจจุบันการสมัครบัตรเครดิตจะมีความสะดวกสบายและทำได้โดยง่าย แต่เอกสารและหลักฐานต่างๆก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่จะส่งผลต่อการอนุมัติบัตรเครดิต ระยะเวลาในการพิจารณา รวมทั้งวงเงินในบัตร ดังนั้นหากผู้สมัครเตรียมเอกสารได้ถูกต้องและครบถ้วนตามที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ คุณก็สามารถเป็นเจ้าของบัตรเครดิตได้รวดเร็วและง่ายดายแล้วละค่ะ